อดีตแชมป์โลก WBO รุ่นเฮฟวีเวต โจเซฟ พาร์กเกอร์ ถูกเปิดเผยว่ามีผลตรวจโด๊ปเป็นบวกต่อสารโคเคน(benzoylecgonine) ในวันเดียวกับที่แพ้น็อคในยกที่ 11 ต่อ ฟาบิโอ วอร์ดลีย์ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยผลดังกล่าวมาจากการตรวจขององค์กร Voluntary Anti-Doping Association(VADA) ตามรายงานเช้าวันศุกร์จาก The Sun
แหล่งข่าวใกล้ชิดทีมพาร์กเกอร์แสดงความผิดหวังต่อ The Ring พร้อมระบุว่านักชกกำลังพักร้อน ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนสำหรับการกลับขึ้นสังเวียน โดย เดวิด ฮิกกินส์ ผู้จัดการ เคยบอกหลังไฟต์ว่าไม่คาดให้เขารีบกลับมาทันที
VADA จะส่งต่อข้อมูลให้ UK Anti-Doping(UKAD) และคณะกรรมการมวยอังกฤษ(British Boxing Board of Control) เพื่อพิจารณาทางวินัยและบทลงโทษ
แม้โคเคนถูกจัดเป็นสารเสพติดเชิงสันทนาการ ไม่ใช่สารเพิ่มสมรรถนะโดยตรง แต่ภายใต้กฎควบคุมสารต้องห้าม นักมวยยังเสี่ยงต่อโทษแบนสูงสุดราว 2 ปี (ขึ้นกับข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและการต่อสู้ในกระบวนการอุทธรณ์)
“เมื่อค่ำวานนี้ VADA แจ้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า โจเซฟ พาร์กเกอร์ มีผลตรวจเชิงลบ(adverse finding) จากการทดสอบวันที่ 25 ตุลาคม ที่เกี่ยวข้องกับการชกพบฟาบิโอ วอร์ดลีย์ ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมจะยังไม่มีความเห็นเพิ่มในเวลานี้”
พาร์กเกอร์ (สถิติ 36-4, 24 KOs) เพิ่งพ่ายแบบถูกหยุดในช่วงท้ายไฟต์ ทำให้อนาคตระยะสั้นต้องสะดุดหนักขึ้นจากประเด็นโด๊ป ล่าสุดเขาแสดงความตั้งใจอยากกลับมาแก้ตัว แต่ประเด็นวินัยนี้อาจยืดเวลาพักและสร้างผลกระทบต่อการจัดไฟต์ระดับใหญ่ในอังกฤษหรือเวทีสากล
ข้อมูลยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ทุกการตีความควรรอประกาศจาก UKAD และคณะกรรมการกำกับดูแล ทั้งนี้ พาร์กเกอร์ ยังมีสิทธิ์ตามกระบวนการในการชี้แจงหรือขอลดหย่อนโทษหากมีเหตุผลประกอบ เช่น วิธีการรับสารหรือบริบทการใช้
สถานการณ์นี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอาชีพอดีตแชมป์โลกชาวนิวซีแลนด์ ทั้งในเชิงชื่อเสียง ความต่อเนื่องของไฟต์ใหญ่ และโอกาสกลับสู่เส้นทางท้าชิงอีกครั้งในอนาคต