เมื่อ โมเซส อิเทามา เปิดตัวสู่เส้นทางอาชีพในวันเกิดครบรอบ 18 ปี เดือนธันวาคม 2022 โดยเป้าหมายชัดเจนที่จะทำลายสถิติ ไมค์ ไทสัน กลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
แต่ในความเป็นจริง โปรโมเตอร์ แฟรงก์ วอร์เรน และทีมบริหารของเขาไม่เคยมีแผนจะเร่งรีบส่ง อิเทามา สู่ไฟต์ใหญ่เกินไปก่อนเวลา แม้จะมีพรสวรรค์ล้นเหลือ แต่ทีมเลือกวางแผนระยะยาวอย่างรอบคอบ
เวลาผ่านไปถึงเดือนพฤษภาคม 2025 อิเทามา ไม่สามารถทำลายสถิติของ ไทสัน ได้ทัน และนั่นเปิดโอกาสให้ทีมได้ หยุดหายใจ และประเมินเส้นทางอนาคตอย่างเป็นระบบมากขึ้น
เป้าหมายต่อไปคือ ดิลเลียน ไวต์ นักชกรุ่นเก๋าวัย 37 ปี อดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลก ซึ่งทั้งคู่จะพบกันในวันที่ 17 สิงหาคม ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ถ่ายทอดสดทาง DAZN PPV
แต่คำถามคือ นี่คือการก้าวที่เร็วเกินไปหรือไม่สำหรับนักชกวัย 20 ปี? ประวัติศาสตร์บอกอะไรเราเกี่ยวกับการผลักดันเฮฟวี่เวทดาวรุ่งเร็วเกินไป?
กรณีศึกษาในอดีต
แดเนียล ดูบัวส์: เปิดตัวอาชีพไวคล้ายอิทาอูมา แต่แพ้น็อกให้ โจ จอยซ์ ในไฟต์ที่ 16 ปี 2020 อย่างไรก็ตาม เขากลับมาจนได้ชิงแชมป์โลกเมื่อไม่นานนี้ แสดงให้เห็นว่า "ความพ่ายแพ้ไม่ใช่จุดจบ"
จาเร็ด แอนเดอร์สัน: ดาวรุ่งจากสหรัฐฯ ถูกคาดหมายจะเป็นความหวังใหม่ แต่แพ้แบบหมดรูปให้ มาร์ติน บาคอล ในไฟต์สำคัญ กลายเป็นบทเรียนเรื่องการจับคู่ที่ผิดเวลา
ไมเคิล แกรนท์: แพ้น็อกต่อ เลนน็อกซ์ ลูอิส ในไฟต์ที่ไม่ควรเกิด แม้จะมีสถิติไร้พ่าย แต่ประสบการณ์ไม่เพียงพอ และอายุยังมากกว่า อิเทามา มาถึง 7 ปี
เปเล่ รีด: ดาวรุ่งของ วอร์เรน ในยุค 90 ที่พ่ายพลิกล็อกให้ จูเลียส ฟรานซิส และไม่อาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก
ในทางกลับกัน วลาดิเมียร์ คลิทช์โก แม้จะเคยแพ้ตั้งแต่อายุ 22 แต่ก็กลับมาเป็นแชมป์โลกที่ครองยุคได้อย่างยาวนาน
อิเทามา ยังไม่เคยเจอบททดสอบหนัก ไม่มีใครได้ทดสอบคางของเขาอย่างแท้จริง ไวต์ แม้อายุมาก แต่ยังคงมีพลังหมัดที่อันตราย หากจังหวะมาถึง ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในพริบตา
ไฟต์นี้จะไม่ใช่จุดจบหรือจุดสูงสุดของ โมเซส อิเทามา แต่จะเป็นเครื่องชี้วัดสำคัญว่าเขาเป็นดาวรุ่งระดับ คลิทช์โก หรือเป็นอีกหนึ่งชื่อที่หายไปจากแผนที่เฮฟวี่เวทโลก